ปัจจุบันสังคมไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ
อันหมายถึง การมีประชากรวัยสูงอายุมากกว่าร้อยละ ๑๐ ของประชากรวัยต่างๆ
และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า
สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุไทย (๖๐ ปีขึ้นไป) ในปี พ.ศ.๒๕๕๑ คิดเป็นร้อยละ ๑๑.๑
และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็นร้อยละ ๒๐ หรือจำนวนประชากรประมาณ ๑๔.๕ ล้านคนในปี พ.ศ.
๒๕๖๘
จากการศึกษาข้อมูลพบว่าประชากรผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณ
และสัดส่วนต่อประชากรจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ.๒๕๕๐ – ๒๕๕๔) กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบายให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงตามวัย
ขยายโอกาสดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า
ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมืออย่างจริงจังและต่อเนื่องในการเตรียมความพร้อมให้ผู้สูงอายุทุกคนตลอดจนบุคคลในครอบครัวและชุมชน
จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นเช่นนี้
เนื่องมาจากการพัฒนาด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ทำให้อัตราการตายลดลง
ผู้สูงอายุจึงมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
แต่ผู้สูงอายุก็ยังได้รับผลกระทบจากการเสื่อมถอยของร่างกายตามวัย
รวมทั้งผลของโรคเรื้อรังหรืออุบัติเหตุ จึงนำไปสู่ความถดถอยของร่างกาย เกิดภาวะพึ่งพาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
หรือช่วยเหลือตนเองได้น้อย หรืออาจมีอาการสมองเสื่อม
ทำให้ต้องอาศัยพึ่งพาเป็นภาระแก่ผู้ดูแล เกิดภาวะทุพพลภาพในที่สุด
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้สูงอายุดำรงชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุข ผู้สูงอายุจึงควรให้ความสนใจดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ป้องกันการเกิดโรคต่างๆ รวมทั้งฟื้นฟูสุขภาพเมื่อมีภาวะของโรค
และควบคุมให้ภาวะของโรคเหล่านั้นมีอาการคงที่ไม่กำเริบรุนแรง
หรือเสื่อถอยมากกว่าเดิม โดยการใช้หลัก ๓ อ. คือ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์
จากสภาพและสถานการณ์ดังกล่าว
รพ.สต.บ้านนาฮี จึงมีแนวคิดที่จะให้ผู้สูงอายุหันมาร่วมกันในการดูแลสุขภาพ
จึงได้จัดทำส่งเสริมสุขสภาวะผู้สูงอายุมีความสุขและมีคุณค่าโดยใช้หลัก ๓อ.
มาปรับใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก ๓อ.
จะทำให้ผู้สูงอายุมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคม
และมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต
Long term Care
เขตพื้นที่ตำบลศรีสำราญ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนาฮี
ตำบลศรีสำราญ
อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ